21/4/52


นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ที่สหรัฐฯ วัดพบว่า เพียงหายใจเอาควันบุหรี่ หรือ ควันของน้ำมันพืชเข้าไปชั่ว 10 นาทีเท่านั้น ก็ทำให้หัวใจคนเราเต้นไม่เป็นส่ำไปได้ นับเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า มลพิษใน อากาศมีส่วนทำให้เกิดสถิติการเพิ่มขึ้นสูงของอาการหัวใจวายและเสียชีวิตโดยกะทันหันได้ อนุภาคละเอียดยิบที่มีอยู่ทั้งในควันบุหรี่และน้ำมันพืชด้วยกัน สร้างความกระทบกระเทือนให้กับหัวใจและหลอดเลือด จนเกิดรบกวนการทำงานขึ้นนักวิจัยจอยซ์ แมเคลนดอน อีแวน ได้พบจากการศึกษาให้อาสาสมัครหายใจเอาควันหลงของบุหรี่ น้ำมันพืช และควันไฟฟืนในปริมาณต่ำเข้าไป โดยคอยวัดสังเกตการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด และระบบการหายใจดู ได้พบว่ายิ่งผู้ชายจะรับผลกระทบอย่างรุนแรง ถึงกับแบบแผนการหายใจปรวนแปรไป ความดันโลหิตในเส้นเลือดตามแขนขาสูงขึ้น เขาถึงกับออกปากว่า"แทบไม่น่าเชื่อว่าการหายใจมลพิษทางอากาศระดับต่ำขนาดนี้ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาของร่างกายที่มีความสำคัญทางสถิติขนาดนี้ขึ้นได้"

Songkran


Songkran is a Thai traditional New Year which starts on April 13 every year and lasts for 3 days. Songkran festival on April 13 is Maha Songkran Day or the day to mark the end of the old year, April 14 is Wan Nao which is the day after and April 15 is Wan Thaloeng Sok which the New Year begins. At this time, people from the rural areas who are working in the city usually return home to celebrate the festival. Thus, when the time come, Bangkok temporarily turns into a deserted city.
Songkran is a Thai word which means "move" or "change place" as it is the day when the sun changes its position in the zodiac. It is also known as the "Water Festival" as people believe that water will wash away bad luck.
The Songkran tradition is recognized as a valuable custom for the Thai community, society and religions. The value for family is to provide the opportunity for family members to gather in order to express their respects to the elders by pouring scented water onto the hands of their parents and grandparents and to present them gifts including making merits to dedicate the result to their ancestors. The elders in return wish the youngsters good luck and prosperity.
The values for community is to provide the opportunity to create unity in the community such as to jointly acquire merits, to meet each other and to enjoy the entertaining events. And for the society value is to create concern upon environment with cooperation such as to clean houses, temples, public places and official buildings. Thais value the religion bye means of merits acquisition, offerings alms to monks, Dhamma Practice, listening to sermon and monks-bathing.
In the afternoon, after performing a bathing rite for Buddha images and the monks, the celebrants both young and old, joyfully splash water oon each other. The most-talked about celebration takes place in the northern province of Chiang Mai where Songkran is celebrated from April 13 to 15. During this period, people from all parts of the country flock there to enjoy the water festival, to watch the Miss Songkran Contest and the beautiful parades.

วันสงกรานต์


"สงกรานต์"คือ วันขึ้นปีใหม่ ตามประเพณีไทย และเป็นโอกาสที่ สมาชิกในครอบครัว จะได้ พบกัน พร้อมหน้าพร้อมหน้า ในช่วงเวลานี้ ประชาชนผู้ซึ่ง เป็นคนต่างจังหวัด ที่มา ทำงานใน กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ ก็จะเดินทางไป ฉลองเทศกาลนี้ ที่บ้านเกิดของตน ดังนั้น เมื่อเทศกาลนี้ มาถึงกรุงเทพมหานคร ก็จะกลายเป็นเมืองร้างไปชั่วคราว
เทศกาลสงกรานต์ ตรงกับวันที่ 13 เมษายนและ การฉลอง ประจำปี ก็จะ จัดให้มี ขึ้นทั่ว ทั้งราชอาณาจักร ที่จริงแล้วคำว่า" สงกรานต์" นี้เป็น ภาษาไทย ซึ่งหมายถึง "เคลื่อนย้าย" หรือ เปลี่ยนที่ เพราะว่า เป็นวันที่ พระอาทิตย์ เปลี่ยนตำแหน่ง ในการจักรราศี นอกจากนี้ ยังเรียกว่า"เทศกาลน้ำ" อีกด้วย เพราะว่า ประชาชน เชื่อว่าน้ำ จะพัดพา เอาสิ่งที่เป็น อัปมงคล ออกไป
วันขึ้นปีใหม่ ตามประเพณี ของไทยนี้ เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ ด้วยการทำบุญตักบาตร แก่พระสงฆ์ และ ปล่อยนก ที่ขังไว้ให้เป็นอิสระ ในช่วงวาระโอกาส อันเป็นมงคลนี้ สัตว์ต่างๆ ที่ถูกขังไว้ก็จะ ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ การทำบุญตักบาตร ถือเป็น การสร้างบุญกุศล ให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้น แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หลังจากทำบุญแล้ว จะมีการ ก่อพระทรายเข้าวัด ถือเป็นกุศลอย่างมาก ดังเช่น ภาคเหนือ มักนิยมขนทรายเข้าวัด เพื่อเป็น นิมิตโชคลาภ ให้มีความสุข ความเจริญ เงินทองไหลมาเทมา ดุจทรายที่ ขนเข้าวัด ส่วนการปล่อยนก ปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาป และ สะเดาะเคราะห์ให้ร้าย ให้หมดสิ้นไป มีแต่ ความสุขความเจริญ
พร้อมกันนี้ การไหว้บรรพบุรุษ ก็เป็น ส่วนสำคัญ ของวันนี้ด้วย ประชาชน จะแสดงความเคารพ ต่อผู้สูงอายุ และ ในทางกลับกัน ผู้สูงอายุ ก็จะอวยพรให้ ผู้น้อยประสบโชคดี และ เจริญรุ่งเรือง ในตอนบ่าย หลังจาก พิธีสรงน้ำ พระพุทธรูป และพระสงฆ์ แล้วผู้ร่วมฉลอง ทั้งหนุ่ม และแก่ ต่างสาดน้ำ ใส่กัน อย่างสนุกสนาน การฉลองที่มี คนกล่าวขานกัน มากที่สุด เห็นจะเป็นที่ จังหวัด ทางภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ซึ่งการฉลองที่นี่ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13- 15 เมษายน ช่วงเวลาที่ ประชาชนจาก ทั่วทุกภาค ของประเทศ จะแห่กันไป ที่นั่น เพื่อร่วมสนุกสาน ในเทศกาลน้ำนี้ เพื่อชม การประกวดนางงาม สงกรานต์ และ ขบวนพาเหรด ที่สวยงาม

3/3/52

ปิดฉาก อาเซียน ซัมมิท

ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผู้นำ 10 ประเทศอาเซียน ร่วมกันลงนามเอกสาร และให้การรับรอง"ปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานสำหรับประชาคมอาเซียน" ค.ศ. 2009 - 2015 ทั้งนี้ ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนยังให้การรับรองและออกเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการประชุมฯ อีก 6 ฉบับ ประกอบด้วย...
1. แผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
2. แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
3. แผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่สอง ค.ศ. 2009-2015
4. ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในอาเซียน
5. แถลงการณ์ว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน
6. แถลงการณ์ว่าด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก

ต้นจันทน์หอม

ชื่อพันธุ์ไม้: จันทน์หอม ชื่อวิทยาศาสตร์: Mansonia gagei Drumm. วงศ์: STERCULIACEAEชื่ออื่น: จันทน์ จันทน์ชะมด จันทน์ขาว จันทน์พม่าถิ่นกำเนิด: ป่าดิบแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 200 – 400 ซ.ม.รูปร่างลักษณะ: เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูงประมาณ 10 - 20 เมตร1.เปลือก ค่อนข้างเรียบสีเทาอมขาว เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างโปร่ง 2.ใบ เดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปรี แกมรูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่กลับ กว้าง 3-6 ซม.ยาว 8-14 ซม. ปลายใบแหลมโคนใบเว้า เบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบเป็นคลื่นห่าง ๆ 3. ดอก เล็กสีขาวออกรวมกันเป็นช่อสั้น ๆ ตามปลาย กิ่งและตามง่ามใบ ออกดอกราวเดือนสิงหาคม - ตุลาคม4.ผล รูปกระสวย กว้าง 0.5 - 0.7 ซม. ยาว 1 - 1.5 ซม. มีปีกรูปทรงสามเหลี่ยม หนึ่งปีกกว้าง 1 - 1.5 ซม. ยาว 2.5 - 3 ซม. ผลจะแก่ ธันวาคม - มกราคมสภาพที่เหมาะสม: สภาพดินแทบทุกชนิด แสงแดดจัด ชอบขึ้นตามดินแถบเขาหินปูน ขึ้นในป่าดิบแล้ง ชอบขึ้นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 200 - 400 เมตรการขยายพันธุ์: โดยการเพาะเมล็ด ประโยชน์: 1.เนื้อไม้ กระพี้ สีขาว แก่นสีน้ำตาลเข้ม ใช้ทำหีบใส่เสื้อผ้า เครื่องกลึง เครื่องแกะสลัก ทำหวี ดอกไม้จันทน์ ธูป น้ำมัน 2.ไม้ที่ตายเองจะมีกลิ่นหอม หอมที่ได้จากการกลั่นชิ้นไม้ ใช้ปรุงเครื่องหอมและเครื่อง สำอาง ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ 3.เนื้อไม้ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้กระหายน้ำและอ่อนเพลีย

กินแล้วอ่อนเยาว์



ทราบหรือไม่ว่า รับประทานอะไรแล้วอ่อนเยาว์ วันนี้มีมาฝาก....


1.หยุดผมร่วง รับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี การรับประทาน กล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน


2. ลดผิวมัน รับประทานธัญญาหารทุกเช้า ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ของต่อมผลิตภายในร่างกายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของเส้นผมบางและมัน

3. หยุดการลอกของผิวหนัง รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักสดก็ได้

4. ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก รับประทานมะม่วง มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้าง ผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ ให้กลับมีความชุ่มชื่นและนุ่มเนียน
5. ชะลอผมหงอก รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร ถั่วลิสงมี วิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย

6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี รับประทานฝรั่ง หรือน้ำฝรั่งซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี เพราะจะช่วยเก็บรักษา คอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับ ผลไม้ประจำวันก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีเช่นกัน

7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความ ต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้รวมถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษ


รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากแลดูอ่อนเยาว์ ก็ควรเลือกรับประทานให้เหมาะสม.

20/2/52

ผู้นำไทย-อินโดฯ เห็นพ้อง แก้ปัญหาโรฮิงญาระดับภูมิภาค


ผู้นำไทย-อินโดฯ เห็นพ้อง แก้ปัญหาโรฮิงญาระดับภูมิภาค (ไทยรัฐ)
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างการเยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-21 ก.พ. โดยในช่วงเช้า วันนี้ (21 ก.พ.) นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชน และจะเดินทางไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อกล่าวสุนทรพจน์และเยี่ยมชมสำนักงาน เวลา 13.05 น. นายกรัฐมนตรี และ คณะเดินทางออกจากกรุงจาการ์ตา เที่ยวบินที่ TG434 และ เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 16.35 น. สำหรับ เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) นายกรัฐมนตรี ได้พบปะทวิภาคีกับประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน ของอินโดนีเซีย โดยกล่าวหลังหารือว่า ผลการหารือเต็มคณะร่วมกันเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวในเรื่องของการค้าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เรื่องที่ได้หารือจะมีเรื่องหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทวิภาคี และการทำงานในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ในประเด็นทวิภาคี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องการขยายการค้าการลงทุน และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการพูดถึงลู่ทางดังกล่าวหลายช่องทาง ที่จะสามารถทำให้เกิดการขยายตัวได้ ประการแรกคือข้อตกลงทางการค้า ซึ่งกำลังจะดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพื่อให้การค้าการลงทุนมีความสะดวกมากขึ้น 2. ความร่วมมือในกรอบสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ยังสามารถขยายไปได้อีก โดยเฉพาะสิ่งที่ไทยได้เสนอไป คือ หากมีการเชื่อมโยงการเดินทางทางอากาศ คือ เที่ยวบินที่เชื่อมโยงในพื้นที่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ก็น่าจะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่ช่วยเพิ่มพูนเรื่องการค้าการลงทุนได้ 3. ปัญหาการประมง หลังจากที่อินโดนีเซียมีการปรับกฎระเบียบ ก็มีผู้ประกอบการ และชาวประมงของไทย ที่ต้องการจะเข้าไปทำการประมงในอินโดนีเซีย ซึ่งแนวทางขณะนี้คือ ภายใต้กฎระเบียบนั้น ก็คือ การจะเข้ามาในลักษณะของการร่วมทุน ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ในส่วนของสินค้าประมง และที่ได้เสนอกันมา และตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ ขั้นตอนจากนี้ไปคงหากรอบความร่วมมือโดยเฉพาะการร่วมทุน และหาผู้ที่สนใจจะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนการลงทุนทั้งสองฝ่าย ทั้งในด้านการแปรรูป และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ชาวประมงไทยมีโอกาสมากขึ้นในอินโดนีเซีย
ในด้านการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะขยายไปถึงความร่วมมืออื่นๆ มีการพูดถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน การขยายความริเริ่มเชียงใหม่ และข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้เงินสำรองเข้ามารวมกัน เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยเหลือประเทศในภูมิภาค ที่มีความจำเป็นในด้านการเงิน ขณะเดียวกันไทยและอินโดนีเซียจะไปประชุม G 20 ที่ลอนดอน และได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งมีความเห็นที่ตรงกันว่า ต้องการไปส่งสัญญาณให้ชัดว่า การแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของทุกประเทศ นั้นต้องไม่นำไปสู่เรื่องของการกีดกันทางการค้า และต้องคำนึงเรื่องของการรักษาการไหลเวียนทั้งเงินทุน การค้า และการลงทุนของประเทศกำลังพัฒนาด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงปัญหาภาคใต้ของไทย ซึ่งอินโดนีเซียมีส่วนสำคัญในการช่วยอธิบาย ให้กับ OIC ให้เข้าใจสภาพปัญหาที่แท้จริง ทั้งนี้ อินโดนีเซียได้ยืนยันว่า ได้ให้การสนับสนุนแนวทางการทำงาน แก้ไขปัญหาของไทย และถือว่าเป็นปัญหาภายใน ทำให้การทำงานของไทยสะดวกขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะที่ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองโรฮิงญา ได้เห็นตรงกันว่า เป็นปัญหาที่ต้องแก้ในระดับภูมิภาค จึงสนับสนุนให้นำเรื่องดังกล่าว สู่กระบวนการบาหลี และนำไปปรึกษาในกรอบอาเซียน หรือมีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบ หรือเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ และว่าไทยพร้อมให้ตรวจสอบ และไม่ขัดข้องที่จะให้ยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้าดูแลทั้งนี้เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน ซึ่งไทยและอินโดนีเซีย จะหารือปัญหาโรฮิงญาร่วมกันในเดือนมีนาคมนี้